ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหล่าบรรดาคนดังในวงการฮอลลีวูด ต้องเผชิญกับคำกล่าวหาว่ามีภาวะ “Ozempic face”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหล่าบรรดาคนดังในวงการฮอลลีวูด อาทิ เซเลนา โกเมซ, เดมี่ มัวร์, อารีอานา เกรนเด, เจสซิกา ซิมป์สัน, เจนนิเฟอร์ โลเปซ และอีกมากมาย ต้องเผชิญกับคำกล่าวหาว่ามีภาวะ “Ozempic face” หลังปรากฎตัวบนงานพรมแดงด้วยรูปร่างที่ดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใบหน้าก็ซูบตอบ เห็นความหย่อนคล้อยและริ้วรอยชัดเจน จนเกิดการคาดเคาว่าสิ่งนี้เป็นผลมาจากการใช้ยาลดน้ำหนักหรือไม่ แม้ว่าจะไม่ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากคนดังเหล่านี้ก็ตาม
Ozempic Face คือ ภาวะที่ใบหน้าดูโทรม แก้มตอบ มีความหย่อนคล้อย ผิวเหี่ยวย่น ดูแก่กว่าวัย หลังจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว จนทำให้ใบหน้าสูญเสียไขมันที่ช่วยรองรับโครงสร้างใบหน้า โดยเฉพาะในคนที่ใช้ยากลุ่ม GLP-1 เช่น Ozempic, Wegovy ซึ่งเดิมทีใช้เฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน แต่ต่อมากลายเป็นยาลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมในช่วงหลัง เพราะใช้แล้วน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
โดยความจริงแล้ว ใบหน้าที่ซูบโทรม ไม่ได้เกิดจากการใช้ยาลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วย ซึ่งมีผลทำให้ชั้นไขมันที่เป็นโครงสร้างซัพพอร์ตของใบหน้าสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว ผิวหนังจึงหย่อนคล้อยไปด้วย
โดย เคธี่ เพอร์รี เป็นหนึ่งในคนดังที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ Ozempic ในการลดน้ำหนัก หลังจากปรากฎในงาน iHeartRadio Q102’s Jingle Ball 2024 ในชุดกระโปรงซีทรูสีแดง ด้วยร่างกายและใบหน้าที่ดูผอมลง แก้มตอบ และเห็นร่องแก้มชัด แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะออกมาได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ Ozempic ก็ตาม
สำหรับภาวะ Ozempic Face สามารถแก้ไขได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ว่าแต่ละคนเหมาะกับการรักษาแบบใด เช่น
1. โปรแกรม Biostimulator คือ การฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้ผิวดูแน่น กระชับ และยืดหยุ่นขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่เริ่มปรากฏ ซึ่งผลลัพธ์ที่ชัดเจนของ Biostimulator จะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน หลังจากการฉีด
อย่างไรก็ดี Biostimulator เป็นสารที่ไม่มียาสลาย หากฉีดแล้วเป็นก้อน หรือฉีดเข้าไปในเส้นเลือด จะแก้ไขยาก ดังนั้น การความแม่นยำในตำแหน่งที่จะทำการฉีดจึงมีความสำคัญ เพราะจะทำให้ Biostimulator สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี และมีประสิทธิภาพ
2. โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ คือ การใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด ฉีดเพื่อเติมเต็มโครงสร้างใบหน้าที่ยุบตัวลง เช่น ไขมันชั้นลึกที่ลดลง ซึ่งการวางตำแหน่งฟิลเลอร์ไปยังชั้นโครงสร้างที่มีปัญหา จะสามารถช่วยให้ใบหน้าดูยกกระชับ เต่งตึง และมีความอ่อนเยาว์ขึ้น
โดยที่อัฐฐา คลินิก (ATTA Clinic) มีโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ยกหน้าแบบสแกนเห็น หรือ SFIL Program คือ การอัลตราซาวนด์ประเมินโครงสร้างใบหน้าก่อนที่จะทำการฉีด เพื่อกำหนดตำแหน่งในการฉีดอย่างแม่นยำ หลีกเลี่ยงเส้นเลือด และปรับตามโครงสร้างเฉพาะบุคคล
3. โปรแกรมอัลตราซาวนด์ยกกระชับหน้า Ultherapy Program คือ การยกกระชับใบหน้าด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ เพื่อส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นโครงสร้างใบหน้าที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับอีกครั้ง
ทั้งนี้ ชั้น SMAS ของแต่ละคนมีความตื้นลึกที่ต่างกัน ดังนั้น การอัลตราซาวนด์เพื่อดูตำแหน่งในการส่งพลังงานลงไปยังชั้น SMAS อย่างแม่นยำ จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญของการทำโปรแกรม Ultherapy เพื่อให้เห็นผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน
4. โปรแกรม Endolift คือ การยกกระชับหน้าด้วยเลเซอร์ไฟเบอร์ โดยไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้า พร้อมช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้เห็นผลลัพธ์ผิวกระชับดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 3-6 เดือนหลังจากทำโปรแกรม ซึ่งผลลัพธ์การทำสามารถอยู่ได้นาน 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล
โดยที่อัฐฐา คลินิก (ATTA Clinic) จะมีการนำเทคนิคภาพอัลตราซาวนด์นำทาง (Ultrasound-guided) มาใช้ร่วมกับการทำโปรแกรม Endolift ทำให้สามารถมองเห็นถึงโครงสร้างใบหน้าชั้นต่าง ๆ เพื่อส่งพลังงานลงไปอย่างแม่นยำเฉพาะเจาจง และมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี สำหรับพญ. อทิตา อินทร์วงศ์ หรือคุณหมอสร้อย แห่งอัฐฐา คลินิก (ATTA Clinic) การดูแลแก้ไขภาวะ Ozempic face จะไม่ใช่แค่เติมเต็มให้หน้ากลับมาดูอิ่ม ดูเต็ม แต่คือการวิเคราะห์โครงสร้างชั้นลึก เพื่อคืนสมดุลให้ใบหน้าอย่างเหมาะสม โดยเป้าหมายไม่ใช่การทำให้ใบหน้าย้อนกลับไปเหมือนตอนก่อนลดน้ำหนัก แต่คือการสร้างสมดุลใหม่ เพื่อให้คุณยังคงดูสดใส และมั่นใจในแบบที่เป็นตัวเอง
อ้างอิงข้อมูลจาก dailymail.co.uk





