การฉีดโบ เป็นหนึ่งในวิธีการลดริ้วรอยและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำโปรแกรมนี้ มีข้อควรรู้หลายประการ เพื่อให้การฉีดโบได้ผลลัพธ์ที่สวยตรงใจแบบที่หน้าไม่แข็ง และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังต่อไปนี้1. โบท็อกซ์ คืออะไร?โบ คือสาร Botulin …
การฉีดโบ เป็นหนึ่งในวิธีการลดริ้วรอยและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำโปรแกรมนี้ มีข้อควรรู้หลายประการ เพื่อให้การฉีดโบได้ผลลัพธ์ที่สวยตรงใจแบบที่หน้าไม่แข็ง และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังต่อไปนี้
1. โบท็อกซ์ คืออะไร?
โบ คือสาร Botulinum Toxin A หรือเรียกย่อ ๆ ว่า โบ มาจากคำโบท็อกซ์ (Botox) ซึ่งเป็นชื่อยี่ห้อทางการค้าจนเรียกกันติดปาก แต่ความจริงโบมีชื่อทางการค้าผลิตในหลายประเทศหลายยี่ห้อ นอกจากอเมริกาแล้วก็มี เยอรมนี อังกฤษ และประเทศเกาหลี
2. โบช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร?
โบ จะออกฤทธิ์ที่ชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เมื่อกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ผิวหนังคลายตัว ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผากก็จะลดลง โดยเมื่อเราแสดงสีหน้าหรือขยับกล้ามเนื้อ บริเวณที่ฉีดโบผิวจะไม่พับตัวตามการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
3. ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าคืออะไร?
ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้า คือ รอยย่นที่เกิดขึ้นบนผิวหนังเมื่อคุณแสดงอารมณ์ต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น รอยรอบดวงตา รอยขมวดคิ้ว และรอยบนหน้าผาก เมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยเหล่านี้จะเริ่มมีเพิ่มมากขึ้น และหากปล่อยทิ้งไว้ จะกลายเป็นริ้วรอยถาวร (Static Lines) ที่รักษาได้ยากขึ้น
4. ฉีดโบเหมาะกับใคร
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิวหน้า และปรับโครงหน้าให้ดูเรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อตึงหรือมีอาการกรามหนาอีกด้วย
5. ฉีดโบจุดไหนได้บ้าง
สามารถทำได้หลายจุดบนใบหน้าและร่างกาย เช่น ริ้วรอยบนใบหน้า หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบดวงตา รอบริมฝีปาก ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ลดขนาดต่อมน้ำลาย คอ บ่า ลดการทำงานของต่อมเหงื่อใต้รักแร้ เป็นต้น
6. ผลลัพธ์ของการฉีดโบอยู่ได้นานแค่ไหน
โดยปกติแล้วผลลัพธ์หลังฉีดโบจะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการตอบสนองของแต่ละบุคคล และบริเวณที่ทำการฉีดโบด้วย
7. ภาวะดื้อโบคืออะไร
ดื้อโบ คือ ภาวะที่เมื่อฉีดโบเข้าไปแล้วไม่เห็นผล โดยหลักๆ มีสาเหตุมาจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านโบที่ฉีดเข้าไป อาจเกิดได้จากฉีดโบบ่อยเกินไป ฉีดโบในปริมาณมากเกินไป และการฉีดโบที่ไม่บริสุทธิ์ หรือมีสารแปลกปลอม ซึ่งอาการดื้อโบในปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ไขให้หายได้ บางเคสโชคดีรอเวลา 3-5 ปี จนกว่าภูมิต้านทานจะหายไปเอง แล้วค่อยสามารถกลับมาฉีดได้ใหม่ แต่บางเคสก็อาจจะดื้อโบไปตลอดชีวิต ฉีดโบแล้วไม่ได้ผลอีกเลย
8. อาการข้างเคียงหลังฉีดโบ
การฉีดโบบางครั้งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง โดยแบ่งเป็น 2 กรณีคือ อาการที่พบโดยทั่วไป เช่น รอยช้ำ บวม หรือปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด แต่โดยทั่วไปจะหายไปภายในไม่กี่วัน
ส่วนอีกกรณีคือ ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ เช่น หน้าแข็งตึง รู้สึกว่าไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ สาเหตุเกิดจากปริมาณโบที่ฉีดเข้าไปไม่เหมาะสม หรือหางคิ้วกระดก ซึ่งเทคนิคการฉีดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้น ดังนั้น การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และการพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการระหว่างแพทย์กับคนไข้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ แลดูเป็นธรรมชาติ
9. โปรแกรม Bo lifting คืออะไร
Bo Lifting Program ที่อัฐฐา คลินิก คือโปรแกรมฉีดโบที่จะมีวิเคราะห์กล้ามเนื้อใบหน้าเฉพาะบุคคล เพื่อคลายริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า และคลายกล้ามเนื้อที่ดึงหน้าลง โดยโปรแกรม Bo Lifting จะทำโดยการฉีดโบในบริเวณกล้ามเนื้อที่ดึงผิวหนังลง เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ส่งผลให้ผิวดูยกขึ้นและตึงกระชับขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีการหย่อนคล้อย เช่น แนวกรอบหน้า แก้ม และลำคอ เทคนิคนี้ยังสามารถปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยขึ้นได้อีกด้วย
10. ทำไมต้องทำโปรแกรม Bo lifting กับคุณหมอสร้อย ที่อัฐฐา คลินิก
อัฐฐา คลินิก ดูแลโดย “คุณหมอสร้อย” แพทย์เฉพาะทางรังสีวินิจฉัย เชี่ยวชาญในด้านการอัลตราซาวนด์ โดยใช้ภาพอัลตราซาวนด์วินิจฉัยนำทาง จะใช้เทคนิคอัลตราซาวนด์ เพื่อวินิจฉัยและกำหนดตำแหน่งในการฉีดโบอย่างละเอียด แม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง เพราะเป็นการฉีดโบที่สามารถมองเห็นได้ ด้วยการอัลตราซาวนด์ดูโครงสร้างเฉพาะบุคคล ทำให้ใช้โบในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป เพื่อผลลัพธ์ที่สวยอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง หางคิ้วไม่กระดก และไม่เสี่ยง





