หัตถการยกกระชับในตอนนี้มีหลากหลายโปรแกรม และนี่คือ 3 สิ่งที่ควรรู้ เกี่ยวกับหัตถการยกกระชับใบหน้า โดยไม่ผ่าตัด
หลายคนอาจรู้สึกสับสนกับทางเลือกมากมาย ทั้งโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ โปรแกรม Skin Booster โปรแกรมแก้ไขผิวเสื่อมสภาพตามวัย Biostimulator โปรแกรมเลเซอร์ หรือโปรแกรมเครื่องยกกระชับ ว่าแต่ละโปรแกรมมีความแตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับการแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง บทความนี้หมอจึงอยากทำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้ทุกคนที่กำลังสับสน สามารถเข้าใจเกี่ยวกับหัตถการต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา และเข้าใจง่าย
1. ไม่สามารถ “ยกกระชับเหมือนการผ่าตัด Facelift ได้ในเครื่องเดียว”
การรักษาแบบไม่ผ่าตัดหลายอย่างโฆษณา ว่าสามารถยกหน้าได้เหมือนศัลยกรรม แต่ความจริงแล้ว ทั้งโปรแกรม Endolift โปรแกรมยกกระชับด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ โปรแกรมยกกระชับด้วยคลื่นวิทยุ (RF) จะสามารถช่วยให้หน้าแน่นขึ้น ยกขึ้นได้ แต่ไม่ใช่การผ่าตัดแบบศัลยกรรมดึงหน้า
โดยสิ่งที่โปรแกรมเหล่านี้ทำได้ คือ “กระตุ้นให้ใบหน้าสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายใน ทั้งในส่วนของชั้นผิวหนัง ชั้นเส้นเอ็น (retinacular cutis) ชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (SMAS) หรือกระชับหรือสลายไขมัน เป็นการฟื้นฟูแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้โครงสร้างใบหน้าแข็งแรงขึ้น แน่นขึ้น และยืดหยุ่นขึ้นตามเวลา เหมือน “รีเซ็ตโครงสร้างภายในใบหน้า” มากกว่าการดึงหรือเปลี่ยนใบหน้า
เหมาะสำหรับ:
- หน้าหย่อนช่วงกราม
- กรอบหน้าไม่ชัด
- มีเหนียงใต้คาง
- ผิวหย่อนระดับเล็กน้อยถึงปานกลางบริเวณใบหน้าส่วนล่างหรือคอ
2. เห็นผลลัพธ์จริง แต่ไม่ใช่ทันที
การยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเองซึ่งต้องใช้เวลา โดยปกติจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำ 4–6 สัปดาห์ และจะค่อย ๆ ดีขึ้นต่อเนื่องหลายเดือน โดยจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วแบบการผ่าผัดดึงหน้า แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้โครงสร้างใบหน้ากลับมาตึงกระชับและดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นผลลัพธ์ที่คนจะพูดว่า “วันนี้ดูดีจัง” มากกว่า “ไปทำอะไรมา?”
โดยหมอมักบอกคนไข้ว่า ถ้าคุณต้องการผลลัพธ์ด่วนก่อนงานสำคัญมาก ๆ หัตถการยกกระชับเหล่านี้อาจไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าคุณมองภาพรวมของใบหน้าในอีก 2–3 ปีข้างหน้า โปรแกรมยกกระชับ คือ “การลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า”
3. คนที่เหมาะสม เวลาเหมาะสม และแผนการรักษาที่เหมาะสม
ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับเครื่องยกกระชับทุกประเภท และนั่นไม่ใช่เรื่องผิดเลย นี่คือจุดที่ “การประเมินของแพทย์” สำคัญที่สุด โดยการเลือกเครื่องหรือยาที่เหมาะกับปัญหานั้น ๆ ในช่วงเวลาที่ถูกต้อง สำหรับใบหน้าที่แตกต่างกันแต่ละคน เช่น บางเคสการใช้เทคนิคอย่าง Endolift สามารถช่วยชะลอการผ่าตัดได้ บางเคสควรทำร่วมกับการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
นอกจากนี้ คุณภาพผิว ก็สำคัญ เช่น บางเคสผิวบาง เสื่อมสภาพ อาจต้องฟื้นฟูก่อนด้วยหัตถการกระตุ้นคอลลาเจน แล้วค่อยยกกระชับ หรือหากมีชั้นระดูกที่ทรุด เอ็นยึดหน้าที่หย่อน ไขมันที่ฝ่อ การใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ยกโครงสร้างใบหน้า ก็มีประโยชน์
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “การปรึกษาแพทย์” ก่อนการทำหัตถการต่าง ๆ จึงมีความสำคัญ เพราะไม่ใช่แค่เพื่อขายหัตถการ แต่เพื่อเข้าใจโครงสร้างใบหน้าของคุณอย่างแท้จริง และวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณที่สุดในระยะยาว





