การเห็นผลลัพธ์ที่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะสิ่งที่คุณทำทั้งก่อนและหลังการฉีด รวมถึงความสม่ำเสมอในการดูแลตัวเองร่วมด้วย
การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และโปรแกรม Biostimulator เป็นหนึ่งในทางเลือกด้านความงามที่ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ หลายคนจึงคาดหวังที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนหลังทำทันที แต่ในความเป็นจริง งานฉีดไม่ใช่เวทมนตร์ และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ช่วงเวลาที่คุณนั่งอยู่บนเก้าอี้หัตถการกับคุณหมอเท่านั้น เพราะการเห็นผลลัพธ์ที่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะสิ่งที่คุณทำทั้งก่อนและหลังการฉีด รวมถึงความสม่ำเสมอในการดูแลตัวเองร่วมด้วย บทความนี้จะมาแนะนำ 5 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์จากการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และโปรแกรม Biostimulator ที่ทุกคนควรรู้

1. ดูแลผิวระหว่างนัด
ผิวที่แข็งแรงและชุ่มชื้นคือพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้การฉีดเห็นผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อผิวมีความแข็งแรงก็จะส่งผลให้การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Biostimulator ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น แนะนำให้ดูแลตัวเอง โดยเริ่มจากการใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว พร้อมทั้งทาครีมกันแดดทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เพราะผิวที่ได้รับการดูแลอย่างดี จะยิ่งทำให้ผลลัพธ์การฉีดชัดเจนและสวยงามยิ่งขึ้น
2. เชื่อมั่นในแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
การฉีดที่ดี ว่าจะโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Biostimulator ไม่ใช่แค่ “เติม” เพื่อให้เต็ม แต่คือการวางแผนรักษาโดยอิงตาม โครงสร้างใบหน้าเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับคุณมากที่สุด ดังนั้น การฉีดแบบเร่งรีบเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีในระยะยาว แต่การทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้เวลาผิวได้ตอบสนองอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาแลดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
3. ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
สุขภาพผิวเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของโดยตรง ทั้งความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือแอลกอฮอล์ ล้วนส่งผลต่อการฟื้นฟูผิวทั้งสิ้น หากผิวแห้ง ขาดน้ำ หรืออยู่ในภาวะอักเสบ ผลลัพธ์หลังฉีดอาจจะอยู่ได้ไม่นาน ผิวอาจดูไม่เรียบเนียนเท่าที่ควร การปรับไลฟ์สไตล์ให้สมดุล เช่น นอนให้พอ ดื่มน้ำให้มาก ลดความเครียด และเลือกทานอาหารที่ดีต่อผิว จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของหัตถการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Biostimulatorได้
4. ให้เวลากับการฟื้นฟู
ไม่ใช่ทุกหัตถการจะเห็นผลทันที โดยเฉพาะ โปรแกรม Biostimulator ที่เน้นการฟื้นฟูผิวจากภายใน เช่น การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือปรับโครงสร้างผิว ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4–6 สัปดาห์ ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปผลลัพธ์หลังทำเพียงไม่กี่วัน เพราะเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คุณจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดูดีขึ้นอย่างเป็นแลดูเป็นธรรมชาติ และคุ้มค่ากับการรอคอย
5. ความพอดี คือ สิ่งสำคัญ
หัวใจของการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Biostimulator เพื่อความงาม ไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่คือการสร้างความสมดุลและความกลมกลืนกับใบหน้า
หลักการLess is more ช่วยให้ผลลัพธ์แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่บวม และยังคงเอกลักษณ์ของใบหน้าเอาไว้
ในทางกลับกัน การฉีดมากเกินไปจนเกิดอาการoverfill อาจทำให้ใบหน้าดูผิดรูป และการแก้ไขภายหลังก็ทำได้ยากกว่าการวางแผนอย่างเหมาะสมตั้งแต่แรก ดังนั้น “ความพอดี” จึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้เทคนิคที่ใช้ในการฉีด

วางแผนการดูแลอย่างเข้าใจลึกถึงใต้ผิวที่อัฐฐา คลินิก (ATTA Clinic)
ผลลัพธ์ที่ดีจากการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Biostimulator ไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำหัตถการเพียงครั้งเดียว แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความเข้าใจในผิวของตัวเอง การวางแผนระยะยาวระหว่างแพทย์และคนไข้
โดยที่อัฐฐา คลินิก (ATTA Clinic) ดูแลโดย พ.ญ. อทิตา อินทร์วงศ์ หรือคุณหมอสร้อย (ว.44231) แพทย์เฉพาะทางรังสีวินิจฉัย หัตถการอัลตราซาวนด์วินิจฉัย และนำทางการรักษา ในโปรแกรมยกกระชับปรับรูปหน้าโดยไม่ผ่าตัด จะใช้เทคนิคอัลตราซาวนด์นำทางการรักษา ที่ทำให้สามารถมองเห็นโครงสร้างที่อยู่ลึกลงไปมากกว่าชั้นผิวหนัง ตั้งแต่ชั้นไขมัน กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น และเส้นเลือด

ดังนั้น คุณหมอสร้อยจึงสามารถออกแบบการรักษาในโปรแกรมฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Biostimulator ที่มอบผลลัพธ์ความงามที่เหมาะกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคน โดยไม่เน้นการเติมแบบถมร่อง ไม่ใช่การเติมจนล้น แต่เป็นการผสานระหว่างศาสตร์ทางการแพทย์ และศิลปะความงามเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อมอบผลลัพธ์ความงามตามสัดส่วนธรรมชาติ





