โปรแกรมฟิลเลอร์ปาก ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง มาดูสิ่งที่ควรรู้ก่อนทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปากให้สวยไม่เสี่ยง
โปรแกรมฟิลเลอร์ปาก ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม และยังสามารถปรับแต่งรูปทรงริมฝีปากให้ได้สัดส่วนมากขึ้น อย่างไรก็ดี แม้จะทำให้ริมฝีปากสวยอวบอิ่มขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง โดยเฉพาะภาวะอุดตันเส้นเลือด (Vascular occlusion) ซึ่งเกิดจากการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) เข้าไปในเส้นเลือด หรือเกิดจากแรงกดทับบนหลอดเลือดที่เลี้ยงริมฝีปากบนและล่างโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น บทความนี้จึงจะกล่าวถึงสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปากแบบสวยไม่เสี่ยง
ทำความรู้จักกับกายวิภาคของริมฝีปาก ก่อนทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก
หลอดเลือดแดงที่เลี้ยงริมฝีปากบนและล่าง (Superior and Inferior Labial Arteries) มีหน้าที่สำคัญในการหล่อเลี้ยงเลือดไปยังริมฝีปาก โดยแยกตัวออกจากหลอดเลือดแดง Facial artery ซึ่งแต่ละคนมีตำแหน่งและความลึกของหลอดเลือดเหล่านี้แตกต่างกัน ดังนั้น ความเข้าใจเกี่ยวกับกายวิภาคจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนทางหลอดเลือดในขณะที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก
หลอดเลือดแดงริมฝีปากส่วนบน (Superior Labial Artery – SLA)
แยกตัวจากหลอดเลือดแดง (facial artery) บริเวณมุมปาก มักอยู่ลึกจากผิวหนังประมาณ 3-5 มิลลิเมตร แต่สามารถพบได้ในช่วงตั้งแต่ 1.1 – 6.9 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับลักษณะกายวิภาคของแต่ละบุคคล
โดยทั่วไปหลอดเลือดนี้จะอยู่ในชั้น submucosal หรือ กล้ามเนื้อ orbicularis oris ห่างจากขอบริมฝีปาก (vermilion border) ประมาณ 6 -9 มิลลิเมตร เป็นเส้นที่คดเคี้ยว และมีแขนงแยกออกไปเลี้ยงเยื่อบุ กล้ามเนื้อ และผิวหนังของริมฝีปากบน
หลอดเลือดแดงริมฝีปากส่วนล่าง (Inferior Labial Artery – ILA)
แยกตัวจากหลอดเลือดแดงใบหน้าเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปอยู่ลึกจากผิวหนังประมาณ 4 -6 มิลลิเมตร แต่สามารถอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1.2 – 7.0 มิลลิเมตร ได้เช่นกัน (Koh et al., 2018)
โดยทั่วไปหลอดเลือดนี้ มักอยู่ในชั้น submucosal หรือ กล้ามเนื้อ orbicularis oris ห่างจากขอบริมฝีปากล่างประมาณ 5 – 8 มิลลิเมตร และเช่นเดียวกับ หลอดเลือดแดงริมฝีปากส่วนบน ที่มักมีเส้นทางที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน และมีหลายแขนง
ดังนั้น จากปัจจัยทางกายวิภาคที่มีความซับซ้อน จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาตำแหน่งของหลอดเลือดเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ใช้เครื่องมือช่วยในการมองเห็น
ความเสี่ยงของการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก
ภาวะอุดตันเส้นเลือด (Vascular Occlusion) เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าสู่เส้นเลือดโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้เส้นเลือดเกิดการอุดตัน เกิดภาวะขาดเลือดในเนื้อเยื่อ (tissue ischaemia) และอาจนำไปสู่ภาวะเนื้อตาย (necrosis) ได้ ซึ่งอาการที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ อาการปวด ผิวซีดขาว (blanching) และการเปลี่ยนสีของผิว หากสามารถวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที จะสามารถป้องกันความเสียหายต่อเนื้อเยื่อได้
เทคนิคอัลตราซาวนด์นำทางการรักษา ในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่อัฐฐา คลินิก (ATTA Clinic)
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ที่อัฐฐา คลินิก (ATTA Clinic) ใช้ชื่อว่า SFIL Program หรือ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แบบสแกนเห็น ด้วยเทคนิคที่ พญ. อทิตา อินทร์วงศ์ หรือคุณหมอสร้อย แพทย์เฉพาะทางรังสีวินิจฉัย เชี่ยวชาญด้านอัลตราซาวนด์ จะใช้อัลตราซาวนด์นำทางการรักษา สแกนดูริมฝีปากของแต่ละคนเมื่อมาทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก เพื่อวางสารเติมเต็มอย่างละเอียดแม่นยำ หลีกเสี่ยงเส้นเลือดสำคัญ พร้อมทั้งออกแบบการรักษาให้เป็นไปตาม Golden Ratio หรือ สัดส่วนทองคำ เพื่อให้ริมฝีปากบนและล่างมีสัดส่วนที่สมดุลรับกับรูปหน้า
การใช้อัลตราซาวนด์ก่อนทำหัตถการ จะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการฉีดโดยการทำแผนที่เส้นเลือดบริเวณริมฝีปากได้อย่างแม่นยำ แพทย์สามารถเลือกจุดฉีดที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงของการอุดตันของเส้นเลือด รวมถึง การใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ขณะฉีด ยังช่วยให้สามารถติดตามกระบวนการฉีดได้แบบเรียลไทม์ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
นอกจากนี้ สำหรับใครที่เคยทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปากมาก่อน หรือมีการติดเชื้อ อาจทำให้เกิดพังผืด ซึ่งสามารถตรึงเส้นเลือดให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนปกติ จึงมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการถูกเข็มแทงทะลุระหว่างการฉีด ซึ่งการอัลตราซาวนด์สามารถช่วยระบุบริเวณที่มีพังผืด เพื่อให้แพทย์สามารถปรับเทคนิคการฉีดให้เหมาะสมได้
การทำโปรแกรมฟิลเลอร์ปาก จึงต้องอาศัยทั้งความเข้าใจทางกายวิภาค เทคนิคการฉีดที่แม่นยำ การประเมินความเสี่ยงรายบุคคล เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น มอบผลลัพธ์ความงามเฉพาะบุคคลแบบไม่เสี่ยง
ข้อมูลจาก : rejuvenateface.co.uk
