Ultherapy

โปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี)
ยกกระชับหน้าไม่ผ่าตัด เพื่อคงความอ่อนเยาว์

โปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) คืออะไร?

อัลเทอร่า หรือ Ulthera เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับใบหน้าด้วยคลื่นเสียง Ultrasound ที่เรียกว่า Focused Ultrasound ซึ่งจะเน้นการรักษาส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิว SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นโครงสร้างใบหน้าที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า โดยพลังงานจะถูกส่งลงไปยังชั้นนี้อย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับอีกครั้ง

จุดเด่นที่สำคัญของอัลเทอร่า คือ เป็นเทคโนโลยีเพียงหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่มีระบบ Visualization หรือระบบที่สามารถ “มองเห็น” ชั้นโครงสร้างใบหน้าและชั้นผิวขณะยิงพลังงานลงไป (Real-Time Visualization) ทำให้การทำงานสามารถเจาะจงลงไปที่ชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการยกกระชับสูงขึ้นและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน

ดังนั้น การทำโปรแกรมอัลเทอราพีให้ได้ผลลัพธ์ยกกระชับที่ชัดเจน การวินิจฉัยและการทำหัตถการด้วยการดูภาพ Ultrasound ให้แม่นโดยแพทย์ คือหัวใจสำคัญในการรักษาที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดียิ่งขึ้น

ทำไมต้องทำโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) ที่ อัฐฐา คลินิก?

โครงสร้างใบหน้าของแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล จึงต้องมีการวินิจฉัยปัญหาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ เพื่อให้การยกกระชับใบหน้าได้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับความต้องการที่สุด โดยโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี)เป็นการผสานระหว่าง Ultrasound 2 ประเภท ได้แก่

  1. Focused Ultrasound คือ คลื่น Ultrasound ที่รวมพลังงานเกิดเป็นความร้อนประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส เพื่อส่งพลังงานไปที่ชั้น SMAS ทำให้เกิดการยกกระชับของผิวหน้า
  2. Ultrasound Imaging คือ คลื่น Ultrasound ที่ใช้สำหรับดูภาพ เพื่อดูจอที่สแกนลงไปที่ชั้น SMAS ในระหว่างที่กำลังยิง ทำให้สามารถมองเห็นชั้นโครงสร้างชั้น SMAS พร้อมส่งพลังงานลงไปสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำตรงจุด

โดยเทคนิคคุณหมอสร้อย แพทย์เฉพาะทาง คือความชำนาญการด้านการ Ultrasound ของแพทย์ และความละเอียดในการทำ ทำให้ทุกครั้งที่ยิงมีความแม่นยำในการวินิจฉัยชั้น SMAS เฉพาะบุคคล และส่งพลังงานลงไปสู่เป้าหมายที่ต้องการรักษาได้อย่างแม่นยำตรงจุด โดยหลักการทำงานของโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) จะมีการยิงพลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ เรียงต่อกันเป็นเส้น (LINE) ลงไปยังชั้นที่ต้องการรักษา ซึ่งหลัก ๆ จะเป็นชั้น SMAS แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะบุคคล ซึ่งแต่ละคนจะใช้จำนวนไลน์ที่แตกต่างกัน โดยแพทย์จะเป็นผู้วางแผนการวินิจฉัยให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อให้เห็นผลในการทำมากที่สุด เพื่อประสิทธิภาพในการยกกระชับหน้า รวมถึงทำให้เจ็บน้อยลง และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยิงไลน์ที่ไม่จำเป็น

SMAS คืออะไร สำคัญต่อการยกกระชับหน้า
ด้วยโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) อย่างไร?

SMAS ย่อมาจาก Superficial Muscular Aponeurotic System เป็นชั้นเนื้อเยื่อสำคัญที่อยู่ใต้ผิวหนังและชั้นไขมันของใบหน้า ซึ่งเป็นชั้นที่ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อใบหน้า มีหน้าที่สำคัญในการรองรับโครงสร้างผิวและรักษาความกระชับของใบหน้า เมื่อเราทำให้ชั้น SMAS นี้ตึงหรือยกกระชับ ก็จะช่วยให้ใบหน้าดูยกขึ้นและมีความกระชับมากขึ้น

ทำไมชั้น SMAS
จึงสำคัญในการยกกระชับหน้า?

ชั้น SMAS เป็นชั้นที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า เนื่องจากเมื่อชั้นนี้ถูกดึงและเย็บอย่างเหมาะสม จะทำให้ใบหน้าดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น การยกกระชับในชั้น SMAS จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่าการทำหัตถการที่กระทำบนชั้นผิวตื้นๆ

ข้อดีของการยกกระชับหน้าด้วยโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี)

  • โปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) เป็นการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น
  • สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยผลลัพธ์จะยกกระชับขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะเวลา 1-3 เดือน
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  • ใบหน้า – ยกกระชับกรอบหน้า ขจัดความหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม และช่วยให้โครงหน้าดูคมชัดมากขึ้น
  • คาง – ลดความหย่อนคล้อยใต้คาง ลดเหนียง และปรับกรอบหน้าให้เรียวชัด
  • หน้าผากและคิ้ว – ยกกระชับคิ้วให้ดูยกขึ้น ทำให้ดวงตาดูเปิดและสดใสขึ้น
  • รอบดวงตา – ลดรอยเหี่ยวย่นและยกกระชับผิวบริเวณรอบดวงตา ทำให้ดวงตาดูสดใสและมีชีวิตชีวา
  • ลำคอ – ช่วยยกกระชับผิวลำคอ ลดความหย่อนคล้อยที่คอ
  • บริเวณเนินอก – ช่วยยกกระชับผิวบริเวณเนินอกให้ดูเต่งตึง เรียบเนียน พร้อมลดริ้วรอย และร่องลึกบนเนินอก

โปรแกรมอัลเทอราพี สามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวชั้นลึก ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับเริ่มต้นถึงปานกลาง

ในกรณีที่ผิวหย่อนคล้อยมาก ๆ อาจต้องพิจารณาวิธีการผ่าตัดแทน Ultherapy ดังนั้น การเริ่มป้องกันปัญหาผิวหย่อนคล้อยตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณเล็กน้อย จะเป็นวิธีที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เริ่มเห็นริ้วรอยและความหย่อนคล้อยตามอายุ ควรเลือกทำ Ultherapy เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

หลายเคสอาจมีความหย่อนคล้อยระดับรุนแรง จนต้องไปผ่าตัดดึงหน้า การทำ Ultherapy หลังจากการผ่าตัดดึงหน้าอาจเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากจะช่วยยืดอายุผลลัพธ์จากการผ่าตัดดึงหน้าให้คงอยู่ได้นานขึ้น โดย Ultherapy ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และช่วยรักษาความกระชับของใบหน้า ซึ่งการทำ Ultherapy จะช่วยเสริมความกระชับให้ผิวหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นตามอายุ

อย่างไรก็ตาม การทำ Ultherapy ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการผ่าตัดก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าแผลจากการผ่าตัดดึงหน้าหายดีแล้ว และพร้อมสำหรับการทำหัตถการเพิ่มเติมโดยไม่มีความเสี่ยง

หลังการทำผิวจะยกกระชับขึ้นทันทีประมาณ 30% และจะยกกระชับขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะเวลา 1-3 เดือน โดยขั้นตอนการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องทำการรักษา และแทบจะไม่ต้องเผื่อเวลาฟื้นตัวหลังการรักษาเลย ซึ่งกระบวนการสร้างคอลลาเจนจะเริ่มต้นนับตั้งแต่วันที่ทำ และจะดำเนินต่อเนื่องไปถึง 3 ระยะ ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่นานกว่า 1 ปี หรือยาวนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างผิวของแต่ละบุคคล

ระดับความเจ็บระหว่างทำจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจรู้สึกหน่วง ๆ หรือปวดเล็กน้อย บริเวณที่ทำการรักษา โปรแกรม Ultherapy ที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคนิคของคุณหมอสร้อย เน้นการลงพลังงานอย่างแม่นยำที่ชั้น SMAS ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และลดความเจ็บในขณะทำ เนื่องจากหลีกเลี่ยงการยิงพลังงานไปที่ชั้นกล้ามเนื้อหรือกระดูก ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บ และไม่ได้ผลลัพธ์ในการยกกระชับ

Ultherapy เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด คลื่นอัลตราซาวนด์จะถูกส่งลงไปในชั้นผิวอย่างแม่นยำ โดยไม่กระทบต่อผิวชั้นบน ทำให้ไม่เกิดบาดแผลหลังการทำ

ผลข้างเคียงของ Ultherapy มักไม่รุนแรงและอยู่ชั่วคราว บางคนอาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ทำในระยะเวลาสั้น ๆ และอาการเหล่านี้จะหายไปเองในไม่กี่วัน โดยทั่วไปแล้ว การทำ Ultherapy ถือว่ามีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ขั้นตอนการทำ โปรแกรม Ultherapy
(อัลเทอราพี)

  1. การประเมินสภาพผิวและการวางแผนการรักษา – แพทย์จะประเมินสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยจะกำหนดจำนวนไลน์ในการยิงพลังงานที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
  2. การเตรียมผิว – เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำ
  3. การยิงพลังงาน Ultherapy – แพทย์จะทำการยิงพลังงานลงสู่ชั้นผิวตามแผนการรักษา โดยในระหว่างยิงพลังงาน แพทย์จะดูจอที่แสดงภาพชั้น SMAS แบบ Real Time ซึ่งช่วยให้สามารถยิงพลังงานได้อย่างแม่นยำตรงจุด และลดความรู้สึกเจ็บ
  4. ระยะเวลาในการทำ – การทำ Ultherapy จะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนไลน์และบริเวณที่ทำ โดยคุณหมอสร้อยจะค่อย ๆ ปรับพลังงานและเลือกหัวความลึกตามสภาพผิว และโครงสร้างใบหน้าแต่ละตำแหน่งอย่างเฉพาะบุคคล

วิธีเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี)

การยกกระชับผิวด้วย Ulthera SPT เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีความเสี่ยงที่ต้องกังวลมากนัก ทำให้การเตรียมตัวเป็นไปอย่างง่ายดาย โดยมีคำแนะนำดังนี้:

  1. งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพริน วิตามิน และอาหารเสริมต่าง ๆ ควรงดรับประทานยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อลดความเสี่ยงของอาการช้ำหรือบวม
  2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนวันนัดเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการบวมหลังทำ
  3. แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพ หากมีปัญหาผิวบาง โรคประจำตัว หรือเคยทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้ามาก่อน ควรแจ้งแพทย์เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

ข้อปฏิบัติหลังเข้ารับบริการโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี)

โดยปกติหลังการเข้ารับบริการโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) สามารถใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปได้ทันที ไม่ต้องมีการพักฟื้นใด ๆ แต่อาจมีอาการผิวแดงบวมได้บ้างเล็กน้อย แนะนำการดูแลตนเองด้วยวิธีการต่อไปนี้

  • ในช่วง 4-5 วันแรกภายหลังทำ Ultherapy ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด และงดกิจกรรมที่ทำให้ผิวหน้าต้องสัมผัสกับความร้อน เช่น การสตรีม ซาวน่า หรือออกกำลังกายหนัก
  • ก่อนออกแดด หรือกลางแจ้งควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • หากมีอาการบวมแดง สามารถประคบเย็นได้
  • หากมีอาการบวมมาก สามารถนอนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวมได้

สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อกัน แต่แนะนำให้เว้นช่วงห่างกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้หน้าลดอาการบวม และเข้ารูปก่อน

โปรแกรม Ultherapy สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการที่เลือก โดยการทำ Ultherapy เป็นการยกกระชับผิวจากภายในและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึก จึงสามารถช่วยเสริมผลลัพธ์ให้กับหัตถการอื่น ๆ ได้

ฟิลเลอร์ (Filler) – เพื่อเติมเต็มริ้วรอยหรือเพิ่มปริมาตรในจุดที่ต้องการ โดยสามารถทำหลังจาก Ultherapy ได้ทันทีหรือหลังจากพักผิวตามคำแนะนำของแพทย์
โปรแกรมลดริ้วรอย (Anti-Wrinkle Program) – ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าส่วนต่าง ๆ ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิว
ทรีตเมนต์ผิว (Skin Treatment) – การบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้า เช่น มาส์กบำรุงผิว ทรีตเมนต์วิตามิน หรือเลเซอร์ผิวบางประเภท

การทำ Ultherapy ร่วมกับหัตถการเหล่านี้ สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพของการยกกระชับและฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาและทำให้แน่ใจว่าการทำหัตถการต่าง ๆ ไม่ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน

เปรียบเทียบโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) กับโปรแกรม Ultraformer (อัลตราฟอร์มเมอร์) ต่างกันอย่างไร?

จุดเหมือนกันของโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) กับโปรแกรม Ultraformer (อัลตราฟอร์มเมอร์)

  • ทั้ง 2 โปรแกรม ใช้พลังงานคลื่นเสียง Ultrasound เหมือนกัน
  • ส่งพลังงานลงลึกได้ถึงผิวชั้น SMAS เหมือนกัน
  • ให้ผลลัพธ์เรื่องยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย และกระตุ้นกลไกการผลิตคอลลาเจนของผิว

จุดแตกต่างระหว่างโปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) กับโปรแกรม Ultraformer (อัลตราฟอร์มเมอร์)

  • จุดโฟกัสของคลื่นพลังงานมีขนาดต่างกัน โดย Ultraformer มีจุดโฟกัสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 ถึง 1 มิลลิเมตร ส่วน Ultherapy มีจุดโฟกัส 3 ขนาด ได้แก่
    – 1. ขนาด 1.5 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับลดริ้วรอยผิวชั้นบน ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis)
    – 2. ขนาด 3.0 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับลดความหย่อนคล้อยของผิว บริเวณกรอบตาและหน้าผาก และสามารถยิงชั้น SMAS ในบางบริเวณของใบหน้าที่มีชั้นผิวบาง
    – 3. ขนาด 4.5 mm สำหรับยิงชั้น SMAS ที่มีคอลลาเจนแนวนอน เหมาะสำหรับยกแก้ม เหนียง และลำคอ
  • ขณะทำโปรแกรม Ultraformer จะรู้สึกเจ็บน้อยกว่า เนื่องจากมีขนาดจุดโฟกัสที่เล็กกว่า
  • โปรแกรม Ultherapy (อัลเทอราพี) จะมีหน้าจอแสดงระดับความลึกและรายละเอียดของชั้นผิวให้เห็นขณะรักษาแบบเรียลไทม์ (Real-Time Visualization) ทำให้แพทย์สามารถยกกระชับผิวหน้าได้ละเอียดและแม่นยำขึ้น
  • ผลลัพธ์ในการรักษาจะมีระยะเวลาที่แตกต่างกัน โดย Ultraformer ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ส่วน Ultherapy (อัลเทอราพี) ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

โปรแกรมแนะนำ

รีวิวจากผู้เข้ารับบริการ