Contour Lift Program
ยกกระชับหน้าชั้นไขมันแบบเฉพาะที่อัฐฐา คลินิก
ด้วย Oligio และ Facial Ultrasound
Contour Lift Program คือโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะที่อัฐฐา คลินิก โดยผสานเทคโนโลยีคลื่นวิทยุขั้วเดียวจากเครื่อง Oligio และ Facial Ultrasound เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเทคนิคนี้เน้นที่การยกกระชับหน้าในส่วนชั้นไขมันใต้ผิวแบบแม่นยำ โดยการสแกนโครงสร้างไขมันในใบหน้า
ทำไมต้องเลือก
Contour Lift Program
ที่ อัฐฐา คลินิก?
1. การสแกนชั้นไขมันด้วย Ultrasound โครงสร้างใบหน้า Facial Ultrasound
โปรแกรม Contour Lift Program นี้ใช้ Facial Ultrasound ในการวิเคราะห์และสแกนชั้นไขมันในใบหน้า คุณหมอสร้อยจะกำหนดตำแหน่งที่ต้องการยกกระชับหน้าอย่างละเอียด เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียไขมันที่จำเป็น เช่น Baby Fat ซึ่งเป็นไขมันที่ช่วยให้ใบหน้าดูเด็กและอ่อนเยาว์ การวินิจฉัยอย่างแม่นยำนี้ช่วยป้องกันปัญหาหน้าตอบ หน้าโทรม ที่มักเกิดขึ้นเมื่อไขมันที่จำเป็นถูกทำลาย
2. การใช้เทคโนโลยี Oligio สำหรับยกกระชับชั้นไขมันใต้ผิว
Oligio เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RF Lifting) ที่มีประสิทธิภาพในการกระชับชั้นไขมันใต้ผิวอย่างล้ำลึก โดยเทคนิคของ Contour Lift Program จะช่วยยกกระชับไขมันบนใบหน้าที่ย้อย ทำให้ใบหน้าดูกระชับ คมชัด และมีรูปทรงที่ดูเป็นธรรมชาติ
ประโยชน์ของ Contour Lift Program
- ยกกระชับไขมันที่ย้อยให้กระชับ – ช่วยให้ใบหน้าดูเต่งตึง ลดการหย่อนคล้อยของผิว
- เหนียงยุบและโครงหน้าคมชัด – เป็นวิธีลดปัญหาเหนียงและทำให้กรอบหน้าดูชัดเจน
- ร่องแก้มตื้นขึ้น – ลดริ้วรอยและร่องลึกบริเวณร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน
- ป้องกันปัญหาหน้าตอบ หน้าโทรม – ด้วยการสแกนชั้นไขมันอย่างละเอียด ทำให้ไม่เกิดปัญหา Baby Fat หายไปเกินจำเป็น

Oligio คืออะไร?
Oligio เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency : RF) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวหน้ากระชับ เรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอย และยกกระชับโครงสร้างใบหน้าในระดับลึก คือ ชั้นไขมันใต้ผิว โดยกระตุ้นชั้นไขมันให้หดตัว จึงเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับการยกกระชับทั้งผิวและชั้นไขมันใต้ผิว
ประโยชน์ของการยกกระชับหน้าด้วย Oligio
ยกกระชับผิวหน้าและลดไขมันส่วนเกิน
ด้วยการเจาะจงชั้นไขมันโดยตรง Oligio ช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินและทำให้ผิวกระชับเรียบเนียนขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือมีไขมันสะสมบริเวณใบหน้าและลำคอ
สร้างกรอบหน้าให้คมชัด
ชั้นไขมันที่ลดลงช่วยทำให้โครงหน้าชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแนวกรามและคาง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูเรียวและยกกระชับ การยกกระชับด้วย Oligio จึงช่วยให้ใบหน้าดูได้รูปสวยงามและมีโครงชัดยิ่งขึ้น
ยกกระชับผิวหน้า
ด้วยการทำงานของเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ RF ที่สามารถเข้าถึงชั้นผิวได้ลึก Oligio ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวแลดูยกกระชับ เต่งตึงมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าและยกผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย
ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
เทคโนโลยี RF ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนผิวหน้าและร่องลึก โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม และรอบดวงตา ซึ่งเป็นบริเวณที่มักเกิดริ้วรอยได้ง่าย Oligio จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการฟื้นฟูให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Oligio จึงเป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานระหว่างการยกกระชับผิวหน้าและลดไขมันใต้ผิว ช่วยให้ผิวดูกระชับ แลดูอ่อนเยาว์ และมีรูปหน้าที่คมชัดอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างหน้าให้เข้ารูปโดยไม่ต้องผ่าตัด
ทำไมถึงเลือก Oligio?
Oligio เป็นเทคโนโลยี RF ที่ได้รับการพัฒนาขึ้น ด้วยเทคโนโลยี W-SIM (Skin Impedance Matching Technology) ช่วยส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวหนังได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น รักษาริ้วรอยและผิวหนังหย่อนคล้อยด้วยระบบติดตาม ล็อกความปลอดภัย เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนัง เซ็นเซอร์วัดแรงกด เซ็นเซอร์วัดแผ่นสื่อ จึงช่วยให้ Oligio มอบความสบายระหว่างการทำหัตถการ ให้ความรู้สึกอุ่น ๆ ไม่เจ็บร้อน เหมือนเครื่องรุ่นอื่น ๆ
ตำแหน่งที่สามารถทำ Oligio ได้
ทั่วหน้า และคอ
- แก้ม ช่วยยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงและเรียบเนียนขึ้น ลดปัญหาผิวหย่อนใต้แก้ม
- แนวกราม (Jawline) ทำให้แนวกรามดูคมชัดและช่วยปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น ลดลักษณะของคางสองชั้นหรือเนื้อใต้คาง
- หน้าผาก ช่วยยกกระชับผิวหน้าผาก ลดรอยย่น และทำให้ผิวเรียบเนียน
- รอบดวงตา ลดเลือนริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา และช่วยยกกระชับผิวบริเวณเปลือกตาและใต้ตา ทำให้ตาดูสดใสขึ้น
- ลำคอ ช่วยลดความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ และกระชับผิวหนังบริเวณนี้ ทำให้ลำคอดูเรียบเนียน และยกกระชับมากขึ้น
ลำตัว
- ต้นแขน ช่วยยกกระชับต้นแขนและลดไขมันส่วนเกินที่ต้นแขน ทำให้แขนดูเรียวและกระชับ
- หน้าท้อง กระชับผิวหน้าท้องและลดไขมันสะสมบางส่วน ทำให้หน้าท้องดูกระชับและเรียบเนียนยิ่งขึ้น

ข้อดีของการทำ Oligio
1. ความปลอดภัยสูงและไม่รู้สึกแสบผิวขณะทำ
Oligio เป็นเทคโนโลยีที่มีระบบ ทำความเย็นอัจฉริยะ และระบบสั่น บริเวณหัวยิง RF ซึ่งช่วยลดความรู้สึกแสบผิวขณะทำ ทำให้การรักษาเป็นไปอย่างสบายและเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
2. ไม่ต้องเตรียมตัวซับซ้อนก่อนทำ
ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือหยุดรับประทานยาที่ใช้เป็นประจำ เหมือนกับหัตถการอื่น ๆ จึงสะดวกสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ
3. ไม่ต้องพักฟื้นและดูแลหลังทำได้ง่าย
หลังทำสามารถทาครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการดูแลผิว และยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
4. เห็นผลทันทีหลังทำ
การทำ Oligio เห็นผลลัพธ์ประมาณ 20% ทันทีหลังทำ ผิวจะกระชับขึ้นและดูเรียบเนียนขึ้นทันที
ข้อจำกัดของการทำ Oligio
1. ผลลัพธ์ไม่ถาวร
ผลลัพธ์จากการทำ Oligio จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ทำให้ต้องทำซ้ำ หากต้องการผลลัพธ์ต่อเนื่อง
2. ไม่เหมาะกับผู้ตั้งครรภ์และผู้ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
การทำ Oligio ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์และผู้ที่มีอุปกรณ์กระตุ้นหัวใจ เนื่องจากอาจมีผลต่อความปลอดภัยในการรักษา
3. ต้องรักษาปัญหาผิวก่อนทำ
ผู้ที่มีปัญหาผิว เช่น เริม ผิวอักเสบ หรือติดเชื้อ ควรรักษาให้หายก่อนการทำ Oligio เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ผลลัพธ์ของ Oligio อยู่ได้นานแค่ไหน?
การทำ Oligio ช่วยยกกระชับผิวได้ทันทีและผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับ อายุ สภาพผิว และ การดูแลหลังทำ ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว เมื่อผิวได้รับการกระตุ้นและการดูแลที่ดี ผลลัพธ์ก็จะยิ่งยาวนานขึ้น

เปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่าง Oligio กับ
เครื่องยกกระชับกลุ่มต่างๆ
Oligio VS. Thermage
1. พลังงานและอุณหภูมิใต้ผิว
- Thermage : ใช้พลังงานคลื่นวิทยุขั้วเดียว (Monopolar RF) เช่นเดียวกับ Oligio แต่ Thermage มีค่าพลังงานที่สูงกว่า ทำให้อุณหภูมิใต้ผิวสูงขึ้น และสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการตั้งค่าพลังงานที่แพทย์ปรับตามสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน
- Oligio : ใช้พลังงานคลื่นวิทยุขั้วเดียวที่มีระดับต่ำกว่า จึงไม่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากเท่า Thermage แต่ยังสามารถช่วยยกกระชับผิวได้ในระดับดี และเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
2. ข้อจำกัดด้านเวลาในการทำหัตถการ
- Thermage : มีข้อจำกัดเรื่องเวลา เนื่องจากต้องทำให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากเปิดหัวทิป โดยทั่วไปการทำ Thermage ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และต้องทำให้ครบตามจำนวนช็อตใน 1 หัว เช่น 900 ช็อต ไม่สามารถแบ่งช็อตออกเป็นหลาย ๆ ครั้งได้
- Oligio : ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาทำการ สามารถปล่อยช็อตได้อย่างต่อเนื่องตามปัญหาและงบประมาณของผู้รับบริการ โดยทั่วไปใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีในการทำ ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกกว่า
3. ความรู้สึกระหว่างทำและการใช้ยาชา
- Thermage : เนื่องจากพลังงานความร้อนมากกว่า จึงทำให้รู้สึกร้อนกว่าและอาจเจ็บเล็กน้อย
- Oligio : รู้สึกอุ่น ๆ สบายขณะทำ ทำให้ลดความรู้สึกไม่สบายผิว
4. ราคาและความถี่ในการทำ
- Thermage : เป็นเทคโนโลยีที่มีราคาสูงกว่า Oligio และมีประสิทธิภาพสูงกว่าในแง่ของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และการยกกระชับผิวที่เห็นผลได้มากขึ้น
- Oligio : มีราคาถูกกว่า Thermage และเหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด หรือผู้ที่มีปัญหาผิวน้อยกว่า แต่ผู้ใช้บริการอาจต้องทำซ้ำบ่อยขึ้นเพื่อรักษาผลลัพธ์
สรุปการเปรียบเทียบระหว่าง Oligio และ Thermage
- Thermage : มีประสิทธิภาพสูงกว่าในการยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก เจ็บกว่า อยู่ได้นาน 1 ปี ทำปีละครั้ง
- Oligio : เป็นตัวเลือกที่สะดวกกว่า เจ็บน้อยกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวน้อยกว่าและต้องการความสะดวกสบายในการทำ แต่ผลลัพธ์อาจไม่ยาวนานเท่า Thermage อยู่ได้นาน 6 เดือน ถึง 1 ปี และอาจต้องทำซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ปีละ 2 ครั้ง
Oligio VS Ulthera
1. ชั้นของผิวที่พลังงานลงลึก
- อัลเทอรา Ulthera ใช้ คลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ที่สามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่อยู่ลึกกว่าชั้นไขมันใต้ผิวและเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการยกกระชับใบหน้า ทำให้ Ulthera มีความสามารถในการยกกระชับใบหน้าได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- โอลิจิโอ Oligio ใช้ คลื่นวิทยุ (RF) ที่ลงลึกได้ถึงแค่ชั้นไขมันใต้ผิวเท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันและยกกระชับในระดับผิวชั้นตื้น เน้นการปรับรูปหน้าและกระชับผิวในระดับพื้นผิว
2. อุณหภูมิของพลังงานความร้อน
- Ulthera : มีอุณหภูมิความร้อนที่สูงกว่า โดยคลื่นความร้อนอยู่ในช่วง 60-70 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น ทำให้ผิวหน้ายกกระชับและลดเลือนริ้วรอยได้ดี
- Oligio : มีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า Ulthera โดยอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะกับการยกกระชับชั้นไขมันและลดไขมันในบริเวณใบหน้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นแต่ไม่ลึกเท่า Ulthera
3. วัตถุประสงค์ในการยกกระชับผิวหน้า
- Ulthera : เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่ชั้น SMAS ทำให้โครงสร้างใบหน้ายกกระชับอย่างเห็นผล เป็นการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและช่วยปรับกรอบหน้าให้คมชัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้าในระดับลึก
- Oligio : ช่วยกระชับผิวหน้าชั้นตื้นและลดไขมันใต้ผิวเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมหรือหย่อนคล้อยในระดับเบา ช่วยทำให้หน้าดูเรียบเนียนและมีความเต่งตึงขึ้น แต่ผลลัพธ์การยกกระชับจะไม่ลึกเท่า Ulthera
สรุปการเปรียบเทียบระหว่าง Oligio และ Ulthera
- Ulthera : มีประสิทธิภาพสูงกว่าในการยกกระชับผิวในระดับลึก โดยเฉพาะชั้น SMAS ทำให้ยกกระชับหน้าในระดับโครงสร้าง แต่มีราคาสูงกว่าและอาจเจ็บมากกว่า
- Oligio : เหมาะสำหรับการกระชับผิวหน้าและลดไขมันในระดับตื้นกว่า โดยเน้นให้ผิวเรียบเนียนและกระชับในชั้นไขมันใต้ผิว เป็นตัวเลือกที่สะดวกสบายกว่าในระหว่างทำและมีราคาถูกกว่า แต่ผลลัพธ์อาจต้องทำซ้ำหากต้องการให้ต่อเนื่อง

Oligio สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่
1. ทำร่วมกับฟิลเลอร์ (Filler) และฉีดโบ
ในกรณีที่ทำหัตถการพร้อมกันในครั้งเดียวกัน ควรทำ Oligio ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) หรือหัตถการที่ใช้ตัวยาอื่น ๆ เพราะโอลิจิโอใช้คลื่นวิทยุในการยกกระชับผิว ซึ่งอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของฟิลเลอร์ หรือโบได้หากทำหลังการฉีด
การทำ Oligio ก่อนช่วยให้พลังงาน RF ไม่รบกวนผลลัพธ์จากการฉีด Filler และ Bo โดยเฉพาะในบริเวณใบหน้าที่ต้องการยกกระชับและสร้างโครงหน้าชัดเจน
2. ทำร่วมกับ Ulthera
การทำ Oligio สามารถทำร่วมกับ Ulthera ซึ่งเป็นเทคโนโลยียกกระชับที่ลงลึกถึงชั้น SMAS ได้ โดยสามารถทำ Oligio ในครั้งหนึ่งและเว้นระยะเพื่อทำ Ulthera ในครั้งต่อไป
การทำร่วมกันจะช่วยให้ผลลัพธ์การยกกระชับครอบคลุมทั้งชั้นผิวตื้นด้วย Oligio และชั้นลึกด้วย Ulthera ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและยกกระชับอย่างชัดเจนขึ้น
3. การทำร่วมกับเลเซอร์ผิวอื่น ๆ
Oligio สามารถทำร่วมกับเลเซอร์ผิว เช่น เลเซอร์ลดเลือนจุดด่างดำ เลเซอร์ลดรอยแดง หรือ เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน ได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ควรเว้นระยะเวลาในการทำหัตถการเหล่านี้ให้เหมาะสม เช่น ทำ Oligio ก่อน แล้วเว้นระยะเวลา 1-2 สัปดาห์เพื่อทำเลเซอร์อื่น ๆ เพื่อให้ผิวได้พักและปรับตัว
โปรแกรมแนะนำ
รีวิวจากผู้เข้ารับบริการ




