Shining Bright Program By Dual Yellow Laser
เลเซอร์ ปรับสีผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว
Dual Yellow Laser คืออะไร?
Dual Yellow Laser คือ เทคโนโลยีที่ช่วยลดรอยสิว รอยดำ รอยแดงจากสิว พร้อมปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนกระจ่างใสในระยะเวลาไม่นาน ด้วยการใช้เลเซอร์ 2 ช่วงความยาวคลื่นที่อ่อนโยนต่อผิว ประกอบด้วย แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร และแสงสีเขียว ความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร ยิงไปยังบริเวณเป้าหมายใต้ผิวหนัง ช่วยแก้ไขปัญหารอยแดง รอยดำจากสิว ลดความหมองคล้ำบนใบหน้า ลด ฝ้า กระ ได้อีกด้วย
Shining Bright Program เลเซอร์ ปรับสีผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว เหมาะกับใคร?
โดยหลักแล้วการทำ Shining Bright Program ด้วยการใช้เลเซอร์ แสงสีเหลือง ร่วมกับแสงสีเขียวนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเรื่องรอยแดงจากสิว รอยดำต่าง ๆ รวมถึงผู้มีปัญหากระ ฝ้า และผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำสีผิวไม่สม่ำเสมอ
ข้อดีของการทำ Shining Bright Program เลเซอร์ ปรับสีผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว
นอกจากรอยแดง และรอยดำจากสิว รวมถึงปัญหาผิวหมองคล้ำไม่สม่ำเสมอ จะลดลง ทำให้ผิวกระจ่างใสแล้ว เนื่องจาก Shining Bright Program เป็นการใช้เลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวหน้าเหมาะกับทุกสภาพผิว ซึ่งแสงเลเซอร์จะรักษาเฉพาะจุดที่ต้องการรักษาเท่านั้น ดังนั้น หลังการทำโปรแกรมนี้จะไม่มีรอยแผล ไม่เป็นอันตรายต่อผิว และไม่ทำให้เกิดแผลตกสะเก็ดหลังทำ ไม่ต้องพักหน้า สามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ทำความรู้จัก Shining Bright Program By Dual Yellow Laser
Dual Yellow Laser มาพร้อมกับ 2 โหมดฟื้นฟูผิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิว เพราะช่วยลดรอยดำ รอยแดง ปรับผิวให้แลดูขาวกระจ่างใส ประกอบด้วย
- พลังงานเลเซอร์แสงสีเหลือง (Yellow Laser) ความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร
เหมาะสมสำหรับการรักษาปัญหาผิวที่มีสีแดง เช่น เส้นเลือดผิดปกติ รอยแผลเป็นสีแดง และปานแดง เนื่องจากแสงสีเหลืองมีความสามารถในการดูดซับเม็ดสีเลือดแดงได้ดี อีกทั้งยังช่วยในการฟื้นฟูผิว (Rejuvenation) พลังงานนี้จะทำให้รอยแดงจางลง ซึ่งเป็นการลดการอักเสบเพื่อเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน - พลังงานเลเซอร์แสงสีเขียว (Green Laser) ความยาวคลื่น 511 นาโนเมตรเหมาะสำหรับการรักษารอยโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสี เช่น รอยแผลเป็นสีดำ กระ หรือรอยดำที่เกิดขึ้นหลังการอักเสบของผิวหนัง แสงสีเขียวจะทำงานโดยการกำจัดเม็ดสีผิดปกติ ทำให้สีผิวสม่ำเสมอและลดเลือนจุดด่างดำ
นอกจากนี้ เครื่อง Dual Yellow Laser ยังสามารถปล่อยเลเซอร์ในสองช่วงความยาวคลื่นที่เกิดจากการผสมแสงเลเซอร์ทั้งสองสีเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในการรักษาปัญหาผิวที่ซับซ้อน โดยมีโหมดการทำงานหลักสองโหมด ได้แก่
- โหมด Y10G ซึ่งประกอบด้วยแสงสีเหลือง 100% และแสงสีเขียว 10% โหมดนี้เน้นในการรักษาฝ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากช่วยลดเลือนเม็ดสีและเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุของฝ้าได้ดี
- โหมด G30Y ซึ่งประกอบด้วยแสงสีเขียว 100% และแสงสีเหลือง 30% โหมดนี้เน้นการรักษากระและจุดด่างดำ ทำให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ และลดรอยคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Dual Yellow Laser ได้รับการยอมรับให้เป็น “Gold Standard for Melasma Treatment” ด้วยความสามารถในการปล่อยแสงเลเซอร์ทั้งสองชนิดพร้อมกัน ช่วยจัดการกับเส้นเลือดและเม็ดสีเมลานินที่เป็นสาเหตุของฝ้าได้อย่างครบวงจร
Dual Yellow Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
โดย Dual yellow laser เหมาะกับการรักษาในด้านต่าง ๆ ดังนี้
- รักษาสิว เช่น สิวอุดตันและสิวอักเสบ โดย Dual Yellow Laser จะไปทำลายแบคทีเรีย P. Acnes ในต่อมไขมัน ต้นเหตุของการเกิดสิว และป้องกันการเกิดสิวใหม่ รวมไปถึงช่วยรักษารอยสิว
- รักษาฝ้า (Melasma) เช่น ฝ้าแดด
- รักษากระต่าง ๆ เช่น กระแดด
- ปัญหาเส้นเลือด (Vascular) เส้นเลือดฝอย รอยแดงบนผิวหนัง ผิวหน้าแดงง่าย
- ช่วยฟื้นฟูผิว (Rejuvenation) โดยเลเซอร์ Dual Yellow สามารถกระตุ้นคอลลาเจน และลดปัจจัยการผลิตเมลานินได้ แก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ หลายคนจึงนิยมเรียก Dual Yellow Laser ว่า เลเซอร์หน้าใส
- ช่วยเรื่องจุดด่างดำ (Pigmented) รอยแผลเป็นสีดำต่าง ๆ รอยดำแดงจากสิว
แก้ปัญหารอยดำใต้ตาสำหรับคนเป็นภูมิแพ้
ไม่ใช่เพียงแค่เลเซอร์รอยสิว แต่โปรแกรมนี้ยังช่วยรักษารอยคล้ำใต้ตาได้โดยไม่เจ็บ ปัญหาของรอยดำหรือรอยคล้ำใต้ตามีหลายสาเหตุ ถ้าต้นเหตุมาจากเม็ดสีเมลานินหรือเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวผิดปกติก็สามารถใช้โปรแกรม Shining Bright ในการรักษา ยกตัวอย่างเช่น คนที่เป็นภูมิแพ้ เกิดจากการที่ร่างกายสัมผัสสารก่อภูมิแพ้แล้วเกิดการอักเสบจนหลั่งสารฮีสตามีน (histamine) ออกมา ซึ่งสารชนิดนี้จะไปกระตุ้นให้เส้นเลือดบริเวณรอบดวงตาขยายตัว เมื่อเกิดอาการคันจนเผลอไปขยี้ตาจึงทำให้ยิ่งเกิดการอักเสบของเส้นเลือด เส้นเลือดใต้ผิวหนังยิ่งขยายและทำให้ขอบตาคล้ำขึ้นตามกลไกของร่างกาย Dual Yellow Laser มีโหมดที่ทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ตาหดลง จึงช่วยรักษารอยคล้ำใต้ตาได้ดี

ก่อนทำ Shining Bright Program เลเซอร์ ผิวหน้ากระจ่างใส ต้องเตรียมตัวอย่างไร
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการ เพื่อประเมินสภาพผิวและการวางแผนการรักษา
- ก่อนการทำเลเซอร์ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด อย่างน้อย 4 สัปดาห์
- งดถอน แว็กซ์ สครับผิว ก่อนทำเลเซอร์ 2-3 วัน เนื่องจากอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
ข้อปฏิบัติหลังการทำ Shining Bright Program เลเซอร์ ผิวหน้ากระจ่างใส
การดูแลตัวเองหลังการทำ Shining Bright Program เป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องผิว โดยควรหลีกเลี่ยงการออกแดดหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน และควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันการเกิดรอยใหม่
นอกจากนี้ ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสารเคมีลอกผิว หรือที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น AHA, BHA, Retinoid, หรือ Vitamin C เข้มข้น อย่างน้อย 1 สัปดาห์ รวมไปถึงงดการขัดผิว และสัมผัสใบหน้าแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
การทำ Shining Bright Program เจ็บหรือไม่?
ระหว่างการรักษาด้วย Dual Yellow Laser ผู้เข้ารับบริการจะไม่รู้สึกเจ็บมาก หลังทำการรักษา ผิวจะรู้สึกอุ่นและมีอาการแดงเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมง
การทำ Shining Bright Program อันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่?
เนื่องจาก Dual Yellow Laser ที่ใช้ใน Shining Bright Program ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) จึงมีความปลอดภัยสูงและสามารถเชื่อถือได้ในด้านประสิทธิภาพในการรักษา โปรแกรมนี้เป็นการรักษาเฉพาะจุดที่อ่อนโยนต่อผิว จึงไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวรอบข้างหรือผลข้างเคียงที่รุนแรง โดยทั่วไป ผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกอุ่นหรือมีอาการแดงเล็กน้อยหลังการรักษา แต่จะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง

การทำ Shining Bright Program ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม?
ผลลัพธ์ของการทำ Shining Bright Program จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดในช่วงแรกหลังการรักษา ผิวจะดูกระจ่างใส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ทำการรักษาซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพราะหัตถการคือการดูแลรักษาผิวจากแสงแดด และมลภาวะที่ทำร้ายผิวให้ไม่กระจ่างใส
ต้องทำ Shining Bright Program กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
จำนวนครั้งของการทำ Shining Bright Program จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องรอยแดง อาจเริ่มเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ 1-2 ครั้ง ขณะที่รอยดำจากสิว ฝ้า และกระ อาจต้องทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง ส่วนผู้ที่มีปัญหารอยชัดมาก ๆ อาจต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง 5-6 ครั้ง ดังนั้น ก่อนทำควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี การทำ Shining Bright Program ควรเว้นระยะห่างระหว่างการทำเพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นฟูและตอบสนองต่อเลเซอร์ รวมถึงลดความเสี่ยงของการระคายเคือง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแพทย์จะแนะนำให้ห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน
เปรียบเทียบข้อแตกต่าง Shining Bright Program by Dual Yellow Laser กับโปรแกรมเลเซอร์อื่น ๆ
ความแตกต่างระหว่าง Dual Yellow laser กับ Pico Laser
Dual Yellow Laser จุดเด่น คือ เป็นเลเซอร์ที่มี 2 ช่วงความยาวคลื่น คือ แสงสีเหลือง และแสงสีเขียว ที่สามารถเข้าไปยับยั้งเส้นเลือด และทำให้เซลล์เม็ดสีดูจางลงไป จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแดง รอยดำจากสิว รวมถึงช่วยลด ฝ้า กระ และความหมองคล้ำบนใบหน้า โดยไม่เจ็บไม่มีแผลไม่ต้องพักหน้า
Pico Laser จุดเด่น คือ เป็นเลเซอร์ที่ความเร็วสูงสุดในระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที สามารถทำให้อะตอมของเม็ดสีที่เรียงตัวกันอยู่เกิดการแตกกระจาย ส่งผลให้เม็ดสีที่ผิดปกติจางลงในทันที จึงเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีรอยแดงและรอยดำที่เข้มมาก ๆ รวมถึงใช้เวลาพักหน้านานกว่า Dual Yellow Laser เนื่องจาก Pico Laser จะมีความยาวคลื่นที่สามารถลงลึกสู่ใต้ชั้นผิวได้มากกว่า จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บ หรือแสบร้อนระหว่างทำ ในขณะที่ Dual Yellow Laser จะมีความอ่อนโยนต่อ ซึ่งระหว่างทำจะไม่รู้สึกแสบร้อนแต่อย่างใด
ความแตกต่างระหว่าง Dual Yellow laser กับ Q switch
Q switch จุดเด่น คือ เป็นเลเซอร์ที่มี 2 ความยาวช่วงคลื่น ได้แก่ ความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร เหมาะสำหรับการลบปานแดง กระแดด ฝ้า รวมถึงรอยสักสีแดง และความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร เหมาะสำหรับการรักษาแผลเป็น กระลึก และลบรอยสัก โดยหลักการทำงาน คือ จะมีการปล่อยพลังงานแสงออกมาเพื่อให้เซลล์เม็ดสีแตกตัว หลังจากนั้นเม็ดเลือดขาวจะดูดซึม และย่อยสลายเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้รอยต่าง ๆ ดูจางลง ซึ่งเน้นรักษาความผิดปกติของเม็ดสีบนสีผิวหนัง
โดย Q Switch เป็นเลเซอร์ที่ให้พลังงานสูงมาก จึงทำให้เกิดการระคายเคืองผิวและแผลเป็นได้ง่าย สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวเกิดแผลตกสะเก็ด หรือผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์มีสีเข้มขึ้น ในขณะที่ Dual Yellow ใช้พลังงานต่ำ จึงมีความอ่อนโยนต่อผิว และไม่ทำให้เกิดการตกสะเก็ดหลังทำ
ความแตกต่างระหว่าง Dual Yellow laser กับ V-Beam Laser
V-Beam Laser Laser จุดเด่น คือ เป็นเลเซอร์คลื่นความยาว 595 นาโนเมตร ใช้รักษารอยที่มีสีแดงหรือความผิดปกติของเส้นเลือดโดยเฉพาะ เช่น สิว รอยแดง ปานแดง หรือเส้นเลือดฝอยเส้นเล็ก ๆ รวมถึงยังรักษารอยแตกและแผลเป็นนูน
ขณะที่ Dual Yellow laser จะใช้แสงสองสีที่ช่วยทั้งรอยแดงและรอยดำได้ ความรู้สึกขณะทำวีบีมจะค่อนข้างเจ็บเหมือนหนังสติกดีด ส่วน Dual Yellow laser จะรู้สึกเพียงแค่อุ่น ๆ
สรุป
การทำเลเซอร์ประเภทต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน ทั้งเทคนิคในการทำ และผลลัพธ์ที่ได้หลังการทำ ดังนั้น ผู้ที่มองหาวิธีการแก้ปัญหาผิวโดยการทำเลเซอร์ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลนั่นเอง และถึงแม้จะเป็นเครื่องเดียวกัน แต่การวินิจฉัยและการปรับค่าพลังงานตามประสบการณ์ของแพทย์ที่แตกต่างกัน ย่อมส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันได้
โปรแกรมแนะนำ
รีวิวจากผู้เข้ารับบริการ


