เปิด 5 สาเหตุ ทำโปรแกรมอัลเทอรา แล้วไม่เห็นผล

แม้ว่าการยกกระชับใบหน้าด้วยโปรแกรมอัลเทอราพี ( Ultherapy ) หรือที่เรียกกันติดปากว่า อัลเทอรา (Ulthera) จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ทว่าหลายคนทำโปรแกรมนี้แล้วกลับไม่เห็นผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน ซึ่งประเด็นนี้อาจเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย โดยบทความนี้ได้รวบรวม 5 สาเหตุที่ทำโปรแกรมอัลเทอรา แล้วไม่เห็นผล ลองมาดูไปพร้อมกัน

1.ใช้เครื่องปลอม เครื่องอัลเทอรา ถือเป็นหนึ่งในเครื่องที่ถูกลอกเลียนแบบมากที่สุด ซึ่งหากคลินิกความงามที่ใช้เครื่องอัลเทอราปลอม ย่อมไม่เห็นผลในการทำให้ใบหน้ายกกระชับแน่นอน โดยวิธีการตรวจสอบว่าคลินิกไหนใช้เครื่องแท้หรือไม่ สามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อคลินิกได้ที่เว็บไซต์ merzaesthetics.co.th ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เครื่องอัลเทอรา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยหากไม่พบชื่อคลินิก ก็แสดงว่าคลินิกนั้น ไม่ได้ใช้เครื่องอัลเทอราของแท้ หรือสามารถสแกน QR code ที่เครื่องอัลเทอรา ซึ่งจะขึ้นลิงก์ชื่อคลินิกที่เป็นเจ้าของเครื่องนั้นทันที

4.จำนวนไลน์ที่ยิงในโปรแกรมอัลเทอรา ไม่สัมพันธ์กับปัญหาที่ต้องการยกกระชับ ซึ่งจำนวนไลน์จะขึ้นอยู่กับปัญหา สภาพผิวหน้า และบริเวณที่ต้องการจะยกกระชับ เช่น บางบริเวณที่มีความหย่อนคล้อยมากๆ แต่ยิงจำนวนไลน์ในปริมาณที่น้อย ก็อาจไม่เห็นผลลัพธ์อะไร ซึ่งจำนวนไลน์ที่ยิงนั้น จะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ว่าแต่ละคนต้องใช้จำนวนไลน์เท่าไหร่ เพราะแต่ละคนมีปัญหาความหย่อนคล้อยที่ชั้น SMAS ที่ไม่เท่ากัน หากใช้จำนวนไลน์ที่น้อยไป ก็อาจไม่เห็นผล แต่หากใช้จำนวนไลน์ที่มากไป ก็จะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น

5.เทคนิคและการวินิจฉัยของแพทย์ ข้อนี้ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำโปรแกรมอัลเทอรา ให้เห็นผล โดยหลักแล้วโปรแกรมนี้เป็นการผสานระหว่างอัลตราซาวนด์ 2 ประเภท คือ คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ เพื่อส่งพลังงานไปยกกระชับชั้น SMAS และคลื่นอัลตราซาวนด์ที่ใช้สำหรับวินิจฉัย เพื่อสแกนดูว่าส่งพลังงานไปที่จุดไหน ซึ่งแพทย์ที่ทำต้องมีความรู้ และความเชี่ยวชาญเรื่องการอัลตราซาวนด์ โดยต้องอ่านและแปลผลภาพเป็น รวมถึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องอนาโตมีโครงสร้างใบหน้า เพื่อที่ได้จะส่งพลังงานไปยกกระชับใบหน้ายังชั้น SMAS อย่างแม่นยำ

2.หากมีความหย่อนคล้อยในระดับมาก การทำโปรแกรมโปรแกรมอัลเทอรา อาจไม่เห็นผล เพราะโดยทั่วไปแล้วโปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยในระดับน้อย ถึงหย่อนคล้อยระดับปานกลาง แต่หากมีความหย่อนคล้อยระดับมาก อาจจะต้องทำโปรแกรมอื่นร่วมด้วย หรือต้องใช้การผ่าตัด เพื่อให้เห็นผลลัพธ์การยกกระชับใบหน้าที่ชัดเจนขึ้น ดังนั้น การเริ่มป้องกันปัญหาผิวหย่อนคล้อยตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณเล็กน้อย จะเป็นวิธีที่ดีกว่า โดยไม่ไม่ต้องรอให้หย่อนคล้อยมาก ควรเลือกทำ โปรแกรมอัลเทอรา เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

3.มีชั้นไขมันบนใบหน้าที่หนา จนส่งพลังงานไปยกกระชับไม่ถึงชั้น SMAS ซึ่งชั้นนี้มีความสำคัญในการยกโครงสร้างใบหน้าขึ้น หมอศัลยกรรมตกแต่งจะผ่าตัดดึงชั้นนี้ให้ตึง หน้าจะยกขึ้น (Face Lift Survey) โดยบางคนมีโครงสร้างใบหน้าที่มีชั้นไขมันที่หนามาก ทำให้ส่งพลังงานไปยกกระชับยังชั้น SMAS ไม่ถึง ส่งผลทำให้เห็นผลลัพธ์การทำน้อยมาก ดังนั้น ในกรณีที่มีชั้นไขมันที่หนา ก่อนทำโปรแกรมอัลเทอรา แนะนำให้ทำโปรแกรม ยกกระชับชั้นไขมัน เพื่อทำให้ชั้นไขมันที่หนาหดตัวลง เมื่อชั้นไขมันบางลง ก็จะทำให้เมื่อทำโปรแกรมอัลเทอรา จะสามารถส่งพลังงานลงไปยกกระชับที่ชั้น SMAS ได้อย่างทั่วถึง

ดังนั้น การใช้เครื่องอัลเทอร่าแท้อย่างเดียวในการทำโปรแกรมอัลเทอรา อาจไม่เพียงพอ เพราะจะต้องทำโดยแพทย์ที่มีการวินิจฉัยปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำ รวมถึงต้องเป็นแพทย์มีความละเอียดในการอัลตราซาวนด์ และมีเทคนิคในการทำหัตถการที่ดี เพื่อให้ทุกไลน์ที่ยิงลงไปยกกระชับยังชั้น SMAS เกิดการยกกระชับใบหน้าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดยที่อัฐฐา คลินิก (ATTA Clinic) มีโปรแกรมอัลเทอราพี (Ultherapy) ซึ่งเทคนิคของ พญ. อทิตา อินทร์วงศ์ หรือ คุณหมอสร้อย ที่อัฐฐา คลินิก คือ ความละเอียดในการทำหัตถการด้านความงาม และความเชี่ยวชาญด้านการอัลตราซาวนด์ของแพทย์ ทำให้ทุกครั้งที่ทำโปรแกรม Ultherapy จะมีความแม่นยำในการวินิจฉัยชั้น SMAS เฉพาะบุคคล และส่งพลังงานลงไปสู่เป้าหมายที่ต้องการรักษาอย่างแม่นยำ โดยจะขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะบุคคล ซึ่งแต่ละคนจะใช้จำนวนไลน์ที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอสร้อยจะเป็นผู้วางแผนการวินิจฉัยให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อให้เห็นผลในการทำมากที่สุด และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยิงไลน์ที่ไม่จำเป็น