Ultrasound in Filler Injections: Safety or Just Marketing?
อัลตราซาวนด์ในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
เพิ่มความปลอดภัย
หรือแค่เทคนิคที่ใช้เพื่อการตลาด?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการความงาม แต่หลาย ๆ คนก็ยังคงมีความกลัวที่จะทำโปรแกรมนี้อยู่ เนื่องด้วยกลัวผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนในการฉีดฟิลเลอร์ ทำให้ปัจจุบันหลาย ๆ คลินิกความงามได้เริ่มนำเทคนิคอัลตราซาวนด์ (Facial Ultrasound) มาใช้ร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ พร้อมระบุว่าจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แต่การอัลตราซาวนด์นำทางจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้จริงหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ
เชื่อว่าหลายคนทราบอยู่แล้ว ว่าการอัลตราซาวนด์เป็นวิธีที่ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ภายในร่างกาย ทำให้สามารถวินิจฉัยเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยบางโรคได้ ซึ่งในบริบทด้านความงาม การอัลตราซาวนด์นำทางก็จะช่วยให้แพทย์มองเห็นโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ และเห็นการรักษาแบบเรียลไทม์ โดยสามารถระบุตำแหน่งในการฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงสามารถหลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นอันตราย เช่น เส้นเลือด ที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากการฉีดฟิลเลอร์ได้

อย่างไรก็ดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอัลตราซาวนด์นั้น ต้องอาศัยระยะเวลาหลายปีในการเรียนรู้และฝึกฝนวิธีการทำอัลตราซาวนด์ รวมถึงการแปลผลภาพอย่างถูกต้องแม่นยำ ซึ่งการใช้อัลตราซาวนด์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถลดความเสี่ยงในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์และไม่ได้การันตีว่าจะปลอดภัย เพราะหากแพทย์ที่นำการอัลตราซาวนด์มาใช้ในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ขาดทักษะความรู้เรื่องการ
อัลตราซาวนด์ อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการทำหัตถการมากกว่าเป็นผลดี เพราะอาจทำให้แพทย์มีความรู้สึกปลอดภัยอย่างผิด ๆ กลายเป็นความประมาท และอาจฉีดในบริเวณที่เกินขอบเขต เนื่องจากแปลผลภาพอัลตราซาวนด์ผิดพลาด
อย่างไรก็ดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอัลตราซาวนด์นั้น ต้องอาศัยระยะเวลาหลายปีในการเรียนรู้และฝึกฝนวิธีการทำอัลตราซาวนด์ รวมถึงการแปลผลภาพอย่างถูกต้องแม่นยำ ซึ่งการใช้อัลตราซาวนด์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถลดความเสี่ยงในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์และไม่ได้
การันตีว่าจะปลอดภัย เพราะหากแพทย์ที่นำการ
อัลตราซาวนด์มาใช้ในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ขาดทักษะความรู้เรื่องการอัลตราซาวนด์ อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการทำหัตถการมากกว่าเป็นผลดี เพราะอาจทำให้แพทย์มีความรู้สึกปลอดภัยอย่างผิด ๆ กลายเป็นความประมาท และอาจฉีดในบริเวณที่เกินขอบเขต เนื่องจากแปลผลภาพอัลตราซาวนด์ผิดพลาด
สำหรับผู้ที่จะทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ โดยการใช้อัลตราซาวนด์นำทางร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ที่มาพร้อมกับความปลอดภัย ไม่เสี่ยง ควรพิจารณาจากปัจจัย ดังต่อไปนี้
สำหรับผู้ที่จะทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ โดยการใช้
อัลตราซาวนด์นำทางร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ที่มาพร้อมกับความปลอดภัย ไม่เสี่ยง ควรพิจารณาจากปัจจัย ดังต่อไปนี้
1. แพทย์ที่ทำหัตถการนั้น มีความรู้และประสบการณ์อย่างไรบ้าง? เพราะการทำหัตถการใด ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องทำกับแพทย์ที่มีทักษะ ความรู้ ควบคู่กับประสบการณ์ในการทำหัตถการความงาม จึงจะสามารถลดโอกาสเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทำหัตถการงานฉีดได้
2. แพทย์ที่ทำหัตถการ มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านอัลตราซาวนด์มากน้อยเพียงใด? เพราะอัลตราซาวนด์นั้น ไม่ใช่ว่าซื้อเครื่องอัลตราซาวนด์มาแล้วจะสามารถทำและแปลผลภาพได้อย่างแม่นยำถูกต้อง แต่ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ด้านอัลตราซาวน์อย่างยาวนาน เพราะหากมีเครื่องอัลตราซาวนด์ แต่ใช้และแปลผลภาพอัลตร้าซาวนด์ไม่เป็น ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ทั้งนี้ ไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนความปลอดภัยในการทำหัตถการได้มากไปกว่าความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำการรักษา และความมั่นใจที่เกินเหตุของแพทย์ผู้ใช้การอัลตราซาวนด์นำทาง แต่ขาดความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์เรื่องอัลตราซาวนด์ ก็อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ส่งผลให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากเกิดความรู้สึกปลอดภัยที่ผิดๆ

ดังนั้น ผู้ที่จะทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือสลายก้อนฟิลเลอร์ ด้วยเทคนิคอัลตราซาวนด์ จึงควรตรวจสอบประวัติของแพทย์ผู้ทำหัตถการก่อนทุกครั้ง ว่ามีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ทั้งด้านการทำหัตถการ และการอัลตราซาวนด์มากน้อยขนาดไหน เพื่อให้มั่นใจว่าการอัลตราซาวน์ในหัตถการความงามนั้น จะเป็นวิธีเพิ่มความปลอดภัย หรือเป็นแค่เทคนิคที่ใช้สำหรับทำการตลาดของคลินิกความงามกันแน่
ดังนั้น ผู้ที่จะทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือสลายก้อน
ฟิลเลอร์ ด้วยเทคนิคอัลตราซาวนด์ จึงควรตรวจสอบประวัติของแพทย์ผู้ทำหัตถการก่อนทุกครั้ง ว่ามีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ทั้งด้านการทำหัตถการ และการ
อัลตราซาวนด์มากน้อยขนาดไหน เพื่อให้มั่นใจว่าการอัลตราซาวน์ในหัตถการความงามนั้น จะเป็นวิธีเพิ่มความปลอดภัย หรือเป็นแค่เทคนิคที่ใช้สำหรับทำการตลาดของคลินิกความงามกันแน่
